ตาแห้ง โรคยอดฮิตในวัยรุ่นGen Z

ตาแห้ง คือภาวะที่ดวงตาผลิตน้ำตาไม่เพียงพอ หรือมีคุณภาพของน้ำตาที่ไม่เหมาะสม ทำให้ผิวกระจกตาแห้งและระคายเคือง ซึ่งอาการ ตาแห้ง มักเกิดได้ทั้งแบบชั่วคราวและแบบเรื้อรัง ปัจจุบันพบว่า เป็นปัญหาที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรืออยู่ในห้องปรับอากาศเป็นเวลานาน

สาเหตุของตาแห้ง มีหลายประการ เช่น

การใช้สายตานานเกินไปโดยไม่กระพริบตา เช่น การเล่นโทรศัพท์ ดูคอมพิวเตอร์ หรือดูทีวี
อยู่ในที่ที่มีลมแรง อากาศแห้ง หรือมีฝุ่นมาก
การใช้คอนแทคเลนส์ต่อเนื่องเป็นเวลานาน
ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด เช่น ยาแก้แพ้ ยาความดันโลหิต
โรคบางชนิด เช่น Sjögren’s syndrome หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง
อายุที่มากขึ้น ซึ่งต่อมไขมันรอบดวงตาทำงานลดลง

อาการที่พบในผู้ที่มี ตาแห้ง ได้แก่

แสบตา เคืองตา เหมือนมีทรายในตา
ตาแดง หรือมีน้ำตาไหลตลอดเวลา (เพราะร่างกายพยายามชดเชยความแห้ง)
มองเห็นไม่ชัดเป็นพัก ๆ โดยเฉพาะเมื่อใช้สายตานาน
รู้สึกเหนื่อยล้าดวงตา หรือปวดตาเมื่ออยู่ในที่มีลม

การดูแลและรักษาอาการตาแห้ง

ใช้น้ำตาเทียม เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา โดยเลือกชนิดที่ไม่มีสารกันเสียหากต้องใช้บ่อย
พักสายตา ทุก 20 นาที เมื่อต้องจ้องหน้าจอนาน ๆ ด้วยกฎ 20-20-20 (มองออกไปไกล 20 ฟุต นาน 20 วินาที ทุก 20 นาที)
หลีกเลี่ยงลมแห้งจากพัดลมหรือแอร์ โดยหันลมออกจากใบหน้า
ดื่มน้ำมากขึ้น เพื่อให้ร่างกายมีความชุ่มชื้น
นวดเปลือกตาเบา ๆ เพื่อกระตุ้นต่อมไขมันที่ช่วยสร้างน้ำตาชั้นมัน
หากอาการ ตาแห้ง ไม่ดีขึ้น ควรพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ เช่น การอุดท่อน้ำตา หรือโรคพื้นฐานอื่น ๆ

ภาวะแทรกซ้อนของตาแห้งหากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจเกิดการอักเสบของกระจกตา แผลที่กระจกตา หรือแม้กระทั่งการติดเชื้อในดวงตา ซึ่งอาจทำให้การมองเห็นลดลงถาวรได้ ดังนั้น การดูแลอาการ ตาแห้ง ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก